การถมที่ดินเป็นการดำเนินการสำคัญที่เจ้าของที่ดินควรศึกษา และวางแผนอย่างรอบคอบ
ไม่เพียงแต่ช่วยให้ที่ดินมีความพร้อมสำหรับการก่อสร้างเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างในอนาคต การระบายน้ำ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ เพื่อนบ้าน

บทความนี้จะให้รายละเอียดที่ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนไปจนถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
1. วัตถุประสงค์และเหตุผลในการถมที่ดิน
การถมที่ดินมักมีจุดประสงค์เพื่อ :
ป้องกันน้ำท่วม : โดยเฉพาะที่ดินที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มหรือต่ำกว่าระดับถนน เพื่อยกระดับให้สูงพอที่น้ำจะไม่ท่วมถึงรากฐานอาคาร
เตรียมความพร้อมสำหรับการก่อสร้าง : การปรับระดับพื้นดินให้สม่ำเสมอให้มีความแข็งแรงที่เหมาะสม จะช่วยให้งานรากฐานง่ายขึ้น และลดความเสี่ยงที่อาคารจะทรุดตัว
ปรับปรุงภูมิทัศน์ : ทำให้ที่ดินมีทัศนียภาพที่สวยงาม และใช้งานพื้นที่ได้เต็มศักยภาพ
2. ประเภทของดินที่ใช้ในการถม
การเลือกชนิดของดินถมมีความสำคัญต่อความมั่นคง และราคา ดินถมหลักๆที่นิยมใช้ มีดังนี้ :
- ดินลูกรัง : มีสีแดงหรือน้ำตาลแดง มีคุณสมบัติแห้งเร็ว ระบายน้ำได้ดี และแน่นตัวสูง เหมาะสำหรับการถมที่เพื่อก่อสร้าง เนื่องจากมีความแข็งแรงและราคาไม่สูง แต่มีข้อเสียคือมีความแข็งมาก จนไม่เหมาะกับการทำเพาะปลูก
- ดินทราย : มีราคาถูก แต่มีการระบายน้ำที่เร็วมาก และอาจเกิดการทรุดตัวได้ง่าย หากไม่มีการบดอัดที่เหมาะสม นิยมใช้ปรับระดับพื้นที่ขนาดใหญ่ ที่ไม่ต้องการความแข็งแรงมากนัก
- ดินดาน/ดินเหนียว : เป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์น้อย เนื้อแน่น แต่ถ้าใช้ถมในปริมาณมากจะต้องระวังเรื่องการระบายน้ำ เพราะดินเหนียวจะอุ้มน้ำและแห้งช้า อาจทำให้เกิดปัญหาดินอ่อนตัวได้
ข้อควรระวัง : ควรหลีกเลี่ยงการใช้ขยะมูลฝอย หรือเศษวัสดุก่อสร้างมาถมที่ เพราะอาจทำให้เกิดการทรุดตัวที่ไม่สม่ำเสมอ เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค หรือสัตว์พาหะ และอาจผิดกฎหมาย


3. การวางแผนและการคำนวณที่สำคัญ
ก่อนเริ่มงาน ต้องมีการวางแผนอย่างละเอียด :
3.1 การสำรวจและการวัดระดับ (Survey)
จ้างวิศวกรหรือช่างรังวัดมาสำรวจ และวัดระดับความสูง-ต่ำของที่ดิน รวมถึงเปรียบเทียบกับระดับถนนและที่ดินข้างเคียง เพื่อกำหนดระดับถมที่ต้องการอย่างแม่นยำ3.2 การคำนวณปริมาณดิน
คำนวณปริมาณดินที่ต้องใช้เป็น ลูกบาศก์เมตร
ข้อควรจำเผื่อต้องการค่า “การยุบตัว” (Compaction) ของดิน ซึ่งปกติจะอยู่ที่ประมาณ 20%-30% หมายความว่าคุณอาจจะต้องสั่งดินเพิ่ม 20%-30% จากปริมาณที่คำนวณได้ เพื่อให้ได้ความสูงตามต้องการหลังการบดอัดและทรุดตัว3.3 ระยะเวลาพักดิน
หลังจากถมดินเสร็จ ควรปล่อยให้ดิน “เซตตัว” หรือ “ยุบตัว” ก่อนเริมงานก่อสร้างจริง ระยะเวลาพักดินที่เหมาะสม ควรอยู่ที่ 6-12 เดือน หากต้องการก่อสร้างเร่งด่วน ควรปรึกษาวิศวกรเพื่อพิจารณาการบดอัดและฐานรากที่เหมาะสม
4.ข้อกฎหมายและการขออนุญาตที่เกี่ยวข้อง
การถมที่ดินไม่ใช่เรื่องที่ทำได้โดยพลการ เจ้าของที่ดินต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต
กฎหมายควบคุมอาคาร : การถมที่ดินเพื่อเปลี่ยนระดับพื้นดิน ต้องระวังไม่ให้กระทบต่อระบบระบายน้ำสาธารณะ
ข้อบัญญัติท้องถิ่น : องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เช่น เทศบาล หรือ อบต. อาจมีข้อกำหนดเฉพาะเกี่ยวกับความสูงของการถมดิน การป้องกันการพังทลายของดิน และการระบายน้ำไปยังที่ดินข้างเคียง
การแจ้งเพื่อนบ้าน : ควรแจ้งหรือพูดคุยกับเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันข้อพิพาทเรื่องดินไหล หรือน้ำท่วม
สำคัญมาก หากการถมดินทำให้ระดับพื้นดินสูงขึ้นมาก และอาจส่งผลกระทบต่อเพื่อนบ้าน ควรสร้าง “กำแพงกันดิน” หรือ “รั้วคอนกรีต” เพื่อป้องกันดินไหลไปรบกวนพื้นที่ข้างเคียง
การถมที่ดินที่สำเร็จต้องอาศัยการวางแผนที่รอบครอบ การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม และความเข้าใจในข้อกฎหมาย การลงทุนในขั้นตอนเหล่านี้ จะนำมาซึ่งความมั่นคงและคุ้มค่าในระยะยาวสำหรับการพัฒนาที่ดินของคุณ