คู่มือสำหรับการถมที่ดิน

รับถมดินเกรียงไกร
รับถมที่ดิน กรุงเทพฯ ปริมณฑล

เตรียมความพร้อมสำหรับการก่อสร้าง : การปรับระดับพื้นดินให้สม่ำเสมอให้มีความแข็งแรงที่เหมาะสม จะช่วยให้งานรากฐานง่ายขึ้น และลดความเสี่ยงที่อาคารจะทรุดตัว

ปรับปรุงภูมิทัศน์ : ทำให้ที่ดินมีทัศนียภาพที่สวยงาม และใช้งานพื้นที่ได้เต็มศักยภาพ

  • ดินลูกรัง : มีสีแดงหรือน้ำตาลแดง มีคุณสมบัติแห้งเร็ว ระบายน้ำได้ดี และแน่นตัวสูง เหมาะสำหรับการถมที่เพื่อก่อสร้าง เนื่องจากมีความแข็งแรงและราคาไม่สูง แต่มีข้อเสียคือมีความแข็งมาก จนไม่เหมาะกับการทำเพาะปลูก
  • ดินทราย : มีราคาถูก แต่มีการระบายน้ำที่เร็วมาก และอาจเกิดการทรุดตัวได้ง่าย หากไม่มีการบดอัดที่เหมาะสม นิยมใช้ปรับระดับพื้นที่ขนาดใหญ่ ที่ไม่ต้องการความแข็งแรงมากนัก
  • ดินดาน/ดินเหนียว : เป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์น้อย เนื้อแน่น แต่ถ้าใช้ถมในปริมาณมากจะต้องระวังเรื่องการระบายน้ำ เพราะดินเหนียวจะอุ้มน้ำและแห้งช้า อาจทำให้เกิดปัญหาดินอ่อนตัวได้

ข้อควรระวัง : ควรหลีกเลี่ยงการใช้ขยะมูลฝอย หรือเศษวัสดุก่อสร้างมาถมที่ เพราะอาจทำให้เกิดการทรุดตัวที่ไม่สม่ำเสมอ เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค หรือสัตว์พาหะ และอาจผิดกฎหมาย

3.1 การสำรวจและการวัดระดับ (Survey)
จ้างวิศวกรหรือช่างรังวัดมาสำรวจ และวัดระดับความสูง-ต่ำของที่ดิน รวมถึงเปรียบเทียบกับระดับถนนและที่ดินข้างเคียง เพื่อกำหนดระดับถมที่ต้องการอย่างแม่นยำ

3.2 การคำนวณปริมาณดิน
คำนวณปริมาณดินที่ต้องใช้เป็น ลูกบาศก์เมตร
ข้อควรจำเผื่อต้องการค่า “การยุบตัว” (Compaction) ของดิน ซึ่งปกติจะอยู่ที่ประมาณ 20%-30% หมายความว่าคุณอาจจะต้องสั่งดินเพิ่ม 20%-30% จากปริมาณที่คำนวณได้ เพื่อให้ได้ความสูงตามต้องการหลังการบดอัดและทรุดตัว

3.3 ระยะเวลาพักดิน
หลังจากถมดินเสร็จ ควรปล่อยให้ดิน “เซตตัว” หรือ “ยุบตัว” ก่อนเริมงานก่อสร้างจริง ระยะเวลาพักดินที่เหมาะสม ควรอยู่ที่ 6-12 เดือน หากต้องการก่อสร้างเร่งด่วน ควรปรึกษาวิศวกรเพื่อพิจารณาการบดอัดและฐานรากที่เหมาะสม

การถมที่ดินไม่ใช่เรื่องที่ทำได้โดยพลการ เจ้าของที่ดินต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต

กฎหมายควบคุมอาคาร : การถมที่ดินเพื่อเปลี่ยนระดับพื้นดิน ต้องระวังไม่ให้กระทบต่อระบบระบายน้ำสาธารณะ

ข้อบัญญัติท้องถิ่น : องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เช่น เทศบาล หรือ อบต. อาจมีข้อกำหนดเฉพาะเกี่ยวกับความสูงของการถมดิน การป้องกันการพังทลายของดิน และการระบายน้ำไปยังที่ดินข้างเคียง

การแจ้งเพื่อนบ้าน : ควรแจ้งหรือพูดคุยกับเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันข้อพิพาทเรื่องดินไหล หรือน้ำท่วม
สำคัญมาก หากการถมดินทำให้ระดับพื้นดินสูงขึ้นมาก และอาจส่งผลกระทบต่อเพื่อนบ้าน ควรสร้าง “กำแพงกันดิน” หรือ “รั้วคอนกรีต” เพื่อป้องกันดินไหลไปรบกวนพื้นที่ข้างเคียง

การถมที่ดินที่สำเร็จต้องอาศัยการวางแผนที่รอบครอบ การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม และความเข้าใจในข้อกฎหมาย การลงทุนในขั้นตอนเหล่านี้ จะนำมาซึ่งความมั่นคงและคุ้มค่าในระยะยาวสำหรับการพัฒนาที่ดินของคุณ

ดินมีกี่ประเภท ที่ใช้ถมดิน ในกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล

ว่าด้วยเรื่องการถมดิน ในพื้นที่ กรุงเทพ และ ปริมณฑล เราจะแนะนำแบบง่ายๆ เพื่อความเข้าใจ สำหรับท่านเจ้าของที่ดินในการตัดสินใจเลือกถมดิน ทั้งนี้ ชนิดของดิน จะเป็นตัวแปรในเรื่องระยะทาง และ ความคุ้มค่าของราคาถมดิน จึงมีข้อจำกัดของชนิดดินที่ใกล้บริเวณกรุงเทพ และ ปริมณฑล (ข้อความนี้ อาจไม่เหมาะกับพื้นที่ต่างจังหวัด เพราะ แหล่งดินไกล้พื้นที่นั้นๆ จะแตกต่างไปตามพื้นที่) ซึ่งดินแต่ละชนิดมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป

ดินเป็นสื่อกลางในการเจริญเติบโตของพืช ดังนั้นการรู้ประเภทของดินจึงมีความสำคัญมาก เนื่องจากจะเป็นตัวกำหนด และข้อจำกัดในการปลูก

นอกจากนี้เรายังสามารถตัดสินใจได้ในทันที ว่าดินชนิดไหนเหมาะกับการปลูกพืชในสวนของเรา

รากของพืชจะกระจายได้อย่างอิสระ ในดินที่ร่วนซุย และสามารถดึงน้ำและสารอาหารได้ง่าย

ส่วนดินที่แข็งและถูกบดอัด จะถูกขัดขวางไม่ให้รากแพร่กระจายไปถึงสารอาหารและน้ำ

พืชที่ปลูกในดินที่แข็งและมีความแห้งแล้ง ก็จะมีลักษณะแคระแกรนได้

ประเภทของดิน

ประเภทของดินจะแบ่งตามลักษณะเนื้อสัมผัส ในประเทศไทยจะพบดินเพียง 3 ประเภท

ได้แก่ ดินเหนียว, ดินร่วน, ดินทราย

  • ดินเหนียว (Clay Soil)

เป็นดินที่มีความละเอียดมาก และเป็นดินประเภทที่หนักและหนาแน่นที่สุด

อนุภาคในดินถูกอัดแน่นเข้าด้วยกัน และมีช่องว่างระหว่างอนุภาคดินไม่มาก ทำให้ระบายน้ำไม่ดี แต่กักเก็บน้ำได้ดี

ดินนี้เมื่อเปียกจะให้สัมผัสที่เหนียวมาก แต่จะเรียบและแตกร้าวเมื่อแห้ง

  • กักเก็บน้ำได้ดีมาก
  • มีความยืดหยุ่นสูง
  • ดูดซับแร่ธาตุและอาหารได้ดี

  • ดินร่วน (Loam Soil)

มีลักษณะละเอียด ร่วน เป็นดินที่ผสมผสานระหว่างดินทราย,ดินเหนียว และตะกอน ในสัดส่วนที่สมดุล

มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชื้นและสารอาหาร ตะกอนจะช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างช่วยให้แร่ธาตุ, อินทรียวัตถุ และน้ำ แทรกเข้าไปหล่อเลี้ยงพืช

ดินร่วนจึงเป็นดินที่เหมาะแก่การทำการเกษตรมากกว่าดินชนิดอื่น

  • ระบายน้ำได้ดี กักเก็บความชื้นได้ดี
  • เป็นแหล่งอาหารที่สมบูรณ์
  • เหมาะสำหรับการเพาะปลูกทั่วไป

  • ดินทราย (Sandy Soil)

ดินทรายประกอบด้วยดินผุกร่อนขนาดเล็ก มักเกิดจากการแตกตัวของหินต่างๆ มีสัมผัสที่ค่อนข้างสาก

เป็นดินที่มีน้ำหนักเบา ระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ ดินประเภทนี้ดีต่อระบบระบายน้ำมาก

ในดินมีส่วนประกอบของทรายมากกว่า 85% จึงทำให้เก็บสารอาหารได้น้อย

  • เนื้อหยาบ ผิวสัมผัสสาก
  • ระบายน้ำได้ดี แห้งเร็ว
  • มีน้ำหนักเบา